
หารายได้เสริมด้วยข้าวกล่องหน้าตาสวย
สมัยนี้คนนิยมทำข้าวกล่องเพื่อจำหน่ายกันมากขึ้น ส่วนหนึ่งอาจเพราะคนหันมาทำกับข้าวกินเอง และเห็นว่าเมื่อต้องซื้อวัตถุดิบแล้วถือโอกาสทำขายไปด้วยอาจจะคุ้มค่ากว่า การทำข้าวกล่องขายนี้ถือเป็นไอเดียที่น่าสนใจ ควรรู้วิธีเตรียมข้าวกล่องไม่ให้บูดง่าย ยิ่งเป็นคนที่มีโอกาสเข้าออฟฟิศเพื่อพบปะสมาชิกในออฟฟิศ หรืออาจจะเป็นคนที่อยู่บ้าน แต่สนใจขายข้าวกล่องลงแอปพลิเคชันก็สามารถทำได้ การขายข้าวกล่องมีไอเดียในการทำหลากหลาย ดังนี้
ไอเดียเมนูข้าวกล่องยอดฮิต

เมนูเหล่านี้สามารถนำไปจัดใส่กล่องข้าว แล้วทำเป็นข้าวกล่องขายได้เพื่อหารายได้เสริม เป็นเมนูที่ทำง่าย ๆ หน้าตาน่ารับประทาน และได้รับความนิยมในหมู่คนกิน
1
แซนด์วิชไส้ทะลัก
เมนูที่ได้รับความนิยมทำง่ายมาก ๆ อย่างแซนด์วิชไส้ทะลักเป็นอีกเมนูที่คนนิยมสั่ง มักจะใช้ไส้เป็นปูอัด ไข่กุ้ง ทูน่ามายองเนส หรือไข่ต้ม แล้วใส่ผักแน่น ๆ ทั้งกะหล่ำปลี ผักกาดแก้ว แคร์รอต มะเขือเทศ และอื่น ๆ ใส่ซอสฉ่ำ ๆ และแบ่งครึ่งให้เห็นไส้ข้างในชัด ๆ
2
หมูย่าง/ไก่ย่าง
ข้าวหน้าหมูย่างหรือไก่ย่าง ทั้งทำแบบไทย ๆ ใส่น้ำจิ้มแจ่ว หรือจะทำสไตล์เกาหลีที่ใช้ซอสเทอริยากิ โคชูจัง และอื่น ๆ ล้วนแล้วแต่เป็นเมนูที่ทำให้ใครอยากจะสั่งทั้งนั้น นิยมทำคู่กับสลัดผักง่าย ๆ และน้ำจิ้ม
3
อาหารคลีน
ข้าวกล่องอาหารคลีนได้รับความนิยมพุ่งสูงมาก เพราะคนหันมากินอาหารคลีนกันมากขึ้น ซึ่งอาหารคลีนมีความพิถีพิถันมาก ถ้ามีคนเปิดออเดอร์ เชื่อว่ามีคนสั่งตามเยอะแน่นอน
4
ซูชิ/คิมบับ
อาหารที่ทำออกมาเป็นคำ ๆ อย่างซูชิ หรือคิมบับล้วนแล้วแต่สะดวกในการกิน และง่ายต่อการทำข้าวกล่องด้วย คนที่ไม่รู้จะทำอะไรขายดี ลองออกแบบข้าวกล่องในรูปแบบซูชิหรือคิมบับดู อาจจะรุ่งก็ได้นะ
5
เมนูยำ
คนชื่นชอบอาหารประเภทยำรสเด็ดมาก ๆ จากความชอบอาจจะทำยำแบบแยกน้ำยำ หรือทำอาหารทะเล แล้วแยกน้ำจิ้มซีฟู้ดเด็ด ๆ เอาไว้ ช่วยให้คนสนใจสั่งข้าวกล่องมากขึ้นได้
การจัดเตรียมข้าวกล่องควรคำนึงถึงความสวยงามและรสชาติประกอบด้วย คนมักจะซื้อข้าวกล่องที่ดูดี และรสชาติอร่อย ถึงแม้ราคาจะสูงหน่อยก็ยอมจ่าย การทำข้าวกล่องขายจึงต้องคิดถึงการขายระยะยาว กำหนดราคาให้ไม่ขาดทุน และเลือกวัตถุดิบคุณภาพดีเสมอ
การคำนวณราคาขายข้าวกล่อง

วิธีการคำนวณราคานี้จะช่วยให้ผู้ขายสามารถกำหนดราคาได้อย่างเป็นธรรม สำหรับคนที่เพิ่งขายข้าวกล่องอาจจะประสบปัญหาไม่รู้จะตั้งราคาเท่าไรจึงจะเหมาะสม มีเกณฑ์ในการคำนวณดังนี้
- นำอุปกรณ์ทุกอย่างมาคิดราคา แล้วหารด้วยจำนวนกล่องที่ทำได้ เช่น กล่องพลาสติก 25 กล่อง ราคา 50 บาท เมื่อหารออกมาจะตกกล่องละ 2 บาท หมู 1 ชิ้น 80 บาท ทำได้ 8 กล่องจะตกกล่องละ 10 บาท เป็นต้น ซึ่งต้นทุนนี้จะต่างกันออกไปตามวัตถุดิบและจำนวนกล่องที่ได้
- นำค่าอุปกรณ์และวัตถุดิบ “ต่อกล่อง” มาบวกกัน จะได้ราคาต้นทุนที่จับต้องได้ออกมา
- บวกค่าไฟ ค่าแก๊ส ค่าเดินทาง และค่าแรงตามความเหมาะสม ควรอยู่ที่ประมาณ 5 – 10 บาทหรือมากกว่านั้น
- เมื่อได้ราคามาแล้ว ให้บวกกำไรอีกเล็กน้อย บางคนอาจจะใช้วิธีการปัดขึ้นให้ลงตัว บางคนอาจจะใช้วิธีการบวกเป็นตัวเลขที่แน่นอน เช่น กำไรทุกกล่อง + 10 บาท เป็นต้น
- หากคิดว่าราคาสูงเกินไป ต้องมาดูราคาวัตถุดิบว่ามีส่วนไหนที่แพงเกินไป หากตัดออกได้ให้ตัดแล้ว
เมื่อได้ราคาดังนี้แล้วจึงจะตั้งเป็นราคาขายที่ตนเองจะไม่ขาดทุน แต่หากขายอาหารผ่านไลน์แมน หรือแอปพลิเคชันอื่น ๆ ควรบวกค่าคอมมิชชันด้วย มิเช่นนั้นจะได้ค่าอาหารมาไม่คุ้มค่าคอมมิชชันที่จ่ายไป